Sunday, May 3, 2015

ศึกกำปั้นหยุดโลก คลายข้อสงสัย Floyd Mayweather และ Manny Pacquiao ทำไมถึงชกกัน 12 ยกครบแล้วยังแพ้คะแนน

 Floyd Mayweather และ Manny Pacquiao ทำไมถึงชกกัน 12 ยกครบแล้วยังแพ้คะแนน





Floyd Mayweather และ Manny Pacquiao ศึกกำปั้นหยุดโลก ที่เพิ่งจะผ่านสายตาคนทั่วโลกไปเมื่อเร็วๆนี้ ที่ลาสเวกัส และเป็นการชกที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์การแข่งขัน และแน่นอนว่าคุณคงอยากรู้ใช่ไหมล่ะว่า นักชกทั้งสองคนมีรายได้จากการชกไปคนละเท่าไหร่กัน



เงินค่าชกสูงสุดที่ตั้งไว้สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ อยู่ที่ 300 ล้านดอลล่าสหรัฐ โดยแบ่งเป็น 60/40 ให้กับฟรอยด์ 60 และ ปาเกียว 40

คำว่า “เงินค่าชกสูงสุด” เพราะเขาจะจ่ายเงินตามระยะเวลาที่ทั้งคู่ยืนหยัดต่อสู้กันบนเวทีนั่นเอง ชกกันหลายยกยิ่งได้มาก แต่ถ้าน็อคจบเร็วได้น้อย เหตที่ตั้งเงื่อนไขแบบนี้ เพราะเหตผลในเรื่องของธุรกิจนั่นเอง ค่าโฆษณาผ่านการถ่ายทอดสดนัั้นทำเงินให้กับผู้จัดการแข่งขันมหาศาล และสปอนเซอร์ก็ชอบที่จะให้การชกยืดยาวที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพราะจะได้มีโอกาสลงโฆษณาในช่วงพักยกนั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ผู้ชมหลายท่านก็ถึงบางอ้อแล้วใช่ไหมว่า ทำไมการชกครั้งนี้ถึงไม่มีการน็อคเกิดขึ้น


สมมุติว่า การชกยืดเยื้อไปจนครบ 12 ยก ฟรอยด์จะได้รับค่าเหนื่อย 4,994,681 ดอลล่า/นาที ส่วนปาเกียวก็จะได้รับค่าเหนื่อย 3,329,787 ดอลล่า/นาที

ซึ่งหมายความว่า หากการชกจบลงที่ยกที่หนึ่ง ฟรอยด์จะได้รับค่าเหนื่อยเพียง 14,984,043 ดอลล่าสหรัฐ และ ปาเกียวจะได้รับค่าเหนื่อยเพียง 9,989,362 ดอลล่าสหรัฐ

แต่ถ้าหากการชกสิ้นสุดที่ยก 12 ฟรอยด์จะได้รับค่าเหนื่อย $179,808,511 (5,843,776,608 บาท) ในขณะที่ปาเกียว จะได้รับค่าเหนื่อย $119,872,340 (3,895,851,050 บาท)



รู้อย่างนี้ไม่แปลกใจเลยใช่ไหมล่ะว่าทำไม การชกนัดนี้ ถึงมีเซียนมวยชี้ไว้แล้วว่ายังไงก็โอกาสจะน็อกกันนั้นน้อยมาก แถมยังมีโอกาสที่จะรีแมทมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

หรือถ้าคุณเป็นนักชกในไฟท์นี้ ลองคิดดูว่า คุณจะวางแผนการชกแบบไล่ถลุงให้คู่ต่อสู้ลงไปกองเร็วที่สุด หรือคุณจะวางแผนการชกแบบเก็บคะแนน แล้วไปรู้ผลเมื่อจบยก 12



ที่มา : ไทยอินโฟเน็ต รูปจาก internet  

Wednesday, April 15, 2015

โค้ชแต๊ก อรรถพล ปุษปาคม อัตชีว ประวัติ โค้ชลูกหนัง ผู้ฝึกสอนฟุตบอล มือหนึ่งของไทย

อัตชีว ประวัติ โค้ชแต๊ก อรรถพล ปุษปาคม 

รูปจาก เว็บ กระปุก ดอท คอม


อรรถพล ปุษปาคม (ชื่อเล่น: แต๊ก; 1 ตุลาคม พ.ศ. 2505 — 16 เมษายน พ.ศ. 2558) เป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยของสโมสรการท่าเรือฯ เขาเคยเป็นผู้ฝึกสอนของทีมบางกอกกล๊าสในไทยพรีเมียร์ลีกและได้เคยคุมทีมอื่นๆ ในไทยเช่นเมืองทองฯ ยูไนเต็ดบีอีซี เทโรศาสนทีทีเอ็ม สมุทรสาคร และเป็นผู้ฝึกสอนคนสุดท้ายของสโมสรธนาคารกรุงไทย ทั้งนี้ อรรถพลเคยได้รับการยกย่องจากแฟนบอลทีมชาติไทยว่าเป็นหนึ่งในผู้ฝึกสอนฟุตบอลชาวไทยที่เก่งที่สุดในประเทศ
รูปจาก เว็บ กระปุก ดอท คอม

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 อรรถพลได้เสียชีวิตลง เนื่องด้วยติดเชื้อที่กระแสเลือดและปอด
ภาพจาก http://www.smmsport.com/reader.php?news=148274

ประวัติการเล่นบอล

อรรถพล ปุษปาคม เริ่มเล่นอาชีพ ฟุตบอล ตั้งแต่วัย 23 ปี กับ สโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทย ในปี พ.ศ. 2528 โดยเล่นในตำแหน่ง กองกลาง อรรถพลเก่งในด้านการรุกริมเส้นด้านขวา ในช่วงตอนเขามาอยู่กับ การท่าเรือไทย ฤดูกาลแรก ทำประตูไป 7 ประตู ลงเล่นไป 23 นัด ถือว่าเป็น กองกลาง ที่ทำประตูได้มากที่สุดในกองกลางของการท่าเรือไทย โดยอรรถพลเป็นนักฟุตบอลส่วนหนึ่งที่เป็นคนช่วยส่งให้เพื่อนทำประตูให้ทืมคว้าแชมป์ ถ้วย ก ได้ในปี พ.ศ. 2528 และ พ.ศ. 2533 โดยในปัจจุบันอรรถพลเป็นคนครองสถิติ กองกลาง ที่ทำประตูเร็วที่สุดของสโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทย



ในปี พ.ศ. 2533 อรรถพลซึ่งได้ถูกเซ็นสัญญาจาก สโมสรฟุตบอลปะหัง สโมสรฟุตบอลชื่อดังใน ประเทศมาเลเซีย โดยอรรถพล ได้รับเล่นในตำแหน่งตัวจริง ของ สโมสรฟุตบอลปะหังเป็นบางครั้ง เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า โดยต้องพักเล่นฟุตบอลไปเกือบ 2 เดือน แต่ก็สามารถกลับมาเล่นให้กับทีมต่อได้ในช่วงฤดูกาลหลัง ในฤดูกาล 2532-33 แต่แล้วอรรถพลก็ตัดสินใจกลับไปเล่นให้กับ สโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทย ต่อ ในปี พ.ศ. 2534

การกลับมาของอรรถพลในฤดูกาลนี้ สามารถได้รับโอกาสการลงเล่นเป็นตัวจริงได้หลายครั้ง ด้วยการลงเล่นเป็นตัวจริง 30 นัด ทำประตูได้ 10 ประตู แต่ไม่สามารถช่วยให้การท่าเรือไทยได้แชมป์ถ้วยต่างๆในฤดูกาล 2533-34 แล้วต่อมาในฤดูกาล 2534-35 อรรถพลได้ลงเล่นตัวจริงเกือบครบทุกนัด โดยลงเล่นไป 32 นัดจาก 35 เกม แต่ทำประตูไปได้แค่ 6 ประตู เพราะในช่วงนั้นการท่าเรือไทยได้ กองหน้า ตัวเก่งมาหลายคน จึงเลยไม่ค่อยได้มีโอกาสเติมเกมส์รุกมากเท่าไร แต่อรรถพลก็สามารถช่วยนำทีมคว้าแชมป์ ถ้วย ข ได้ และในฤดูกาล 2535-36 และ 2536-37 อรรถพลไม่ค่อยได้ลงเล่นเป็นตัวจริงมากนัก เพราะทั้งอาการบาดเจ็บ และความเร็วที่เริ่มด้อยลง ด้วยวัย 31 ปี เลยได้ลงเล่นเพียงแค่ 25 นัด กับ 4 ประตู และ ในฤดูกาล 2536-37 ได้ลงเล่น 27 นัด กับ 1 ประตู ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ สโมสรฟุตบอลตลาดหลักทรัพย์ ในปี พ.ศ. 2539



อรรถพลในวัย 34 ปี ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงบ่อยครั้งมาก เนื่องจากวัยและสภาพของร่างกาย จึงได้ลงเล่นเพียง 49 นัด ทำประตูได้ 5 ประตู และได้ประกาศแขวนสตั๊ดในปีพ.ศ. 2541

ประวัติการการเป็นผู้จัดการทีม และ โค้ช

หลังจากประกาศเลิกเล่น อรรถพลหันมารับงานคุมทีมเป็นครั้งแรกกับสโมสร บีอีซี เทโรศาสน ระหว่างปี 2545-2549 มีผลงานโดดเด่น นำทีมคว้ารองแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2545-2546 จากนั้นย้ายไปคุมทีม เกย์ลัง ยูไนเต็ด (สิงคโปร์) ในปี 2549, ธนาคารกรุงไทย ปี 2550-2551, ทีทีเอ็ม สมุทรสาคร ปี 2552, เมืองทอง ยูไนเต็ด ปี 2552 ก่อนจะย้ายมาคุมทีม บุรีรัมย์ ตั้งแต่ปี 2554 จนกระทั่งแยกทางกันเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 หลังนำทีมบุกไปเสมอ เอฟซี โซล 2-2 สร้างประวัติศาสตร์นำ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึก เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ อรรถพล ยังทำสถิติเป็นโค้ชไทยคนแรกที่นำทีมผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ถึง 2 ทีม (บีอีซี เทโรศาสน และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) อรรถพลเคยรับหน้าที่เป็นโค้ชให้กับสโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส

รูปภาพจาก http://www.smmsport.com/

รางวัลที่ได้รับ

พ.ศ. 2557 : รางวัลผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม - งานฟุตบอลสยามโกลเด้นบอล ครั้งที่ 4



Sunday, April 12, 2015

“ไพวงษ์ เตชะณรงค์” จากเด็กขายลอตเตอรี่ สู่เจ้าของอาณาจักร “โบนันซ่า” ประวัติความเป็นมา

“ไพวงษ์ เตชะณรงค์” จากเด็กขายลอตเตอรี่ 

สู่เจ้าของอาณาจักร “โบนันซ่า”

credit : รูปหน้าปกนิตยสาร Hello 


การร้องเรียนของชาวบ้านและประชาชนกรณีสนามแข่งรถโบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ (International Bonanza Speed Way) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2558 ที่ผ่านมา ทำให้ชื่อของนายไพวงษ์ เตชะณรงค์ ตกเป็นที่สนใจแก่สาธารณชนอีกครั้ง



รายงานผลจากการลงพื้นที่ตรวจสอบของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) พบว่าสนามแข่งรถโบนันซ่า เขาใหญ่ของนายไพวงษ์ ได้สร้างขยายคร่อมพื้นที่ 3 หน่วยงาน และมีการบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก.จำนวน 71 ไร่

อาณาจักรโบนันซ่า เขาใหญ่ ที่นายไพวงษ์ บุกเบิกมาด้วยน้ำพักน้ำแรงในวันนี้ จึงถูกแจ้งข้อหาดำเนินการบุกรุกพื้นที่ และถูกฟ้องร้องขับไล่ยึดพื้นที่คืนให้แก่ ส.ป.ก. รวมถึงต้องชดใช้ค่าเสียหาย ในข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการ

นายไพวงษ์ เจ้าของอาณาจักรโบนันซ่า และเป็นกรรมการอีกกว่า 22 บริษัท มีสินทรัพย์รวมกันกว่า 3,245,884,319 บาท ปูมหลังของเขานับว่าไม่ธรรมดา


รูปภาพจาก fan page - สนามแข่งรถโบนันซ่า เขาใหญ่


กล่าวสำหรับประวัตินายไพวงษ์ เขามีภรรยาคนสวย คือ นางภัสสรา เตชะณรงค์ มีบุตร-ธิดา 4 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน โดยคนโตเป็นที่รู้จักกันดี คือ นายสงกรานต์ เตชะณรงค์ ดารานักแสดงชื่อดัง เป็นผู้ดูแลสืบทอดกิจการโบนันซ่า กรุ๊ป บนเนื้อที่กว่า 5,000 ไร่ และโครงการบ้าน คอนโดมิเนียม และได้แต่งงานกับดาราสาวชื่อดัง ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ หรือ แอฟ จนมีบุตรด้วยกัน




ส่วนคนรอง น.ส.ไพพรรณี เตชะณรงค์ สาวสังคมสุดชิค ช่วยดูแลธุรกิจ โบนันซ่า เขาใหญ่ เช่นกัน ส่วนลูกสาวอีกคน น.ส.พัทธมน เตชะณรงค์ ชื่นชอบในเรื่องของการออกแบบและแฟชั่น ลูกชายคนเล็ก นายภูผา เตชะณรงค์ ดูแล 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจโบนันซ่า “เอ็กโซติกซู” โดยเเป็นแหล่งรวมสัตว์แปลกๆหายากไว้ให้เที่ยวชม อาทิ เสือขาว สิงโต ขาว เม่นเผือก และดูแลกิจการสนามทดสอบความเร็ว โบนันซ่า ที่กำลังตกเป็นข่าวโด่งดังที่พื้นที่บุกรุกป่าสงวนอยู่ขณะนี้

ทั้งนี้ ครอบครัวของเตชะณงค์ นับว่าร่ำรวยมีชื่อเสียงจากการประกอบธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ นายไพวงษ์ ที่เป็นผู้บุกเบิก แผ้วถางอาณาจักรโบนันซ่า ห้วงชีวิตวัยเด็กเขาต้องดิ้นรนขายลอตเตอรี่อยู่ในสวนลุมพินี พอโตมาก็ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอาหาร ไปเป็นโรบินฮู้ดในอเมริกา เรียกได้ว่าสร้างเนื้อสร้างตัวจากการทำร้านอาหาร และเขายังเป็นคนแรกที่เปิดซูเปอร์มาร์เก็ตในอเมริกา ทำงานไปเรียนหนังสือไป จนจบปริญญาตรี ด้าน Commercial art จากมหาวิทยาลัย Woodbury.Los Angeles Californaia ประเทศสหรัฐอเมริกา


ต่อมา เขาได้กลับมาเมืองไทย เริ่มต้นทำเทรดดิ้งส่งสินค้าไปขายในอเมริกา และลงมือทำโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในชื่อ “โบนันซ่า” ที่เขาใหญ่ ซึ่งนับว่าเป็นความใฝ่ฝันของเขา ที่คิดวางแผนไว้เป็นเวลากว่า 17 ปีเต็ม

นายไพวงษ์ ได้เริ่มดำเนินโครงการโบนันซ่าที่เขาใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2535 บนเนื้อที่รวมกว่า 5 พันไร่ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์แนวคาวบอยเรื่องโปรด คือเรื่อง Bonanza การออกแบบอาณาจักรแห่งนี้ จึงเป็นสไตล์ American Country วัสดุในการสร้างมากกว่า 80% ทำจากไม้

โบนันซ่า จึงถือเป็นโครงการแรกๆ ที่เขาได้บุกเบิกถากถางผืนป่าแห่งนี้ ตั้งแต่เมื่อครั้งน้ำไฟก็ยังเข้าไม่ถึง ปั้มน้ำมัน ก็ยังไม่มีเหมือนทุกวันนี้ จนกลายมาเป็น สถานที่พักผ่อนและสนามกอล์ฟ ที่นายไพวงษ์ต้องการให้โบนันซ่า เป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศครบวงจรเสมือนยกอาณาจักรจาก American West มาไว้เลยทีเดียว

นายไพวงษ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Hello! ฉบับวันที่ 13ธ.ค. 2555 ถึงที่มาของสร้างอาณาจักรโบนันซ่า เขาใหญ่ เอาไว้ว่า

“ตอนผมเรียนศิลปะที่อเมริกา โปรเฟสเซอร์พาไปดูเวสต์เลค ซึ่งสร้างทะเลสาบเป็นรูปนิ้วมือ และปลูกบ้านริมทะเลสาบทุกหลังแล้วก็ปลูกต้นหลิว โปรเฟสเซอร์บอกว่า ในความสวยงามของธรรมชาติ ถ้ามนุษย์รู้จักตกแต่งก็จะดูสวย พอกลับเมืองไทยเพื่อนชวนทำเรียลเอสเตท สมัยนั้นฮิตสวนเกษตร ก็บอกถ้าจะทำต้องทำ ทำแบบพี่นะโว้ย เลยเริ่มจากซื้อที่ดินแถวองครักษ์ 600 ไร่ ให้สถาปนิกออกแบบ และจัดงานเปิดตัวที่ปาร์คนายเลิศ

“ปรากฏว่าคืนเดียวขายที่หมดเกลี้ยงเลย เพราะเราขายถูก 2 ไร่ 8 แสนบาท จากที่ซื้อมาไร่ละ 20,000 บาท โดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วย แค่มีแบบให้ดูเท่านั้น ได้กำไรมาเกือบ 200 ล้านบาท พอได้มาปั๊บเริ่มใช้เงินกันไม่เป็น แทนที่จะเอาไปต่อยอดก็เอาไปซื้อโน่นซื้อนี่ ผมบอกไม่ไหว แบ่งส่วนของพี่มาดีกว่า แล้วผมก็ซื้อที่ดินมาทำอีก 2-3 แปลง ได้กำไรมา 90 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเยอะมากสมัยนั้น ก็มีเพื่อนพามาเขาใหญ่ สมัยนั้นลำบาก เพราะถนนแค่ 2 เลนเท่านั้น




“ทีนี้ที่มันสวยก็นึกถึงเวสต์เลค เลยให้สถาปนิกที่เพิ่งจบจากอังกฤษออกแบบให้เหมือนที่เราบอก ติดน้ำทุกแปลง ซื้อมาไร่ละแสน ขายไร่ละ2 ล้าน เปิดตัวปุ๊บขายได้เกือบครึ่งเลยนะ แต่ดันเจอซัดดัม (ซัดดัม ฮุสเซน - สงครามอ่าวเปอร์เซีย) ซึ่งเราก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนคนรู้จักโบนันซ่ามากขึ้น เพราะอาศัยว่าผมเป็นคนกว้างขวาง เพราะอะไร เพราะเราดูแลเขา ผมเป็นคนที่ตำรวจทหารเข้าหาเยอะสุด เพราะบรรดานาย เป็นน้องๆ ผมทั้งนั้น แล้วผมเคยอยู่หน้าห้องพี่จิ๋ว (พล.อ.ชวลิต ยงใยุทธ) หน้าห้องนายกฯ มาตั้งกี่สมัย การที่เราช่วยเหลือคนไปเรื่อย มันแผ่กิ่งก้านสาขา”

จากคำให้คำสัมภาษณ์ของนายไพวงษ์ ชัดเจนว่าเขาเป็นผู้คนกว้างขวางจากการที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และโบนันซ่าแข็งแกร่งได้ทุกวันนี้ ก็เพราะว่ามีลูกค้าเป็นนักการเมือง ตำรวจ ทหาร เกื้อกูลกันมาโดยตลอด

สำหรับสายสัมพันธ์กับพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายไพวงษ์ ได้ร่วมหุ้นทำธุรกิจร่วมกับนายคฤกพล ยงใจยุทธ บุตรชาย “บิ๊กจิ๋ว” ตั้งแต่ปี 2529 ในชื่อ บริษัท เพื่อน จำกัด และในยุคที่พรรคเพื่อไทย เรืองอำนาจ นายไพวงษ์ เคยได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2554ที่ผ่านมา ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่นายไพวงษ์ ได้ให้การสนับสนุนกลุ่มเสื้อแดงที่เปิดโบนันซ่า ให้มีการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเต็มที่ ทั้งหลายทั้งปวง ก็ยิ่งเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่าธุรกิจ ของไพวงษ์ ได้อิงแอบกับนักการเมืองมาตลอด


ทั้งนี้ นายไพวงษ์ ยังสร้างอาณาจักรธุรกิจอีกหลากหลาย โดยสำนักข่าวอิศรา ได้นำเสนอปูมหลังทางธุรกิจของเขาไว้ในเว็บไซต์ www.isranews.org เรื่อง "ฐานธุรกิจ 2,800 ล้าน โบนันซ่า ก่อน "ไพวงษ์" ถูกคสช. คุมตัว" พบว่า เป็นกรรมการ 22 บริษัท ได้แก่ บริษัท แคลิฟอร์เนีย เรียล เอสเตท แมนเนชเม้นท์ จำกัด บริษัท ทีนโนเวชั่น กรุ๊ป จำกัด บริษัท เกตเวย์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ครีเอตีฟ เซเว่น จำกัด บริษัท คอมมิวนิเคชั่น เน็ตเวอร์ค คอร์โปเรชั่น บริษัท เชลน จำกัด บริษัท ดอกกราย บ้านและที่ดิน จำกัด

บริษัท ไทม์ เทร็นด์ จำกัด บริษัท ไทยวู้ด เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท นทีทัวร์ จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด โบนันซ่า คอทเทจ บริษัท พี.เอส.เค.แอสโซซิเอทส์ จำกัด บริษัท เพื่อน จำกัด บริษัท รัตนฤทธิ์ จำกัด บริษัท ไร้ท์ พิคเจอร์ส จำกัด บริษัท วังกะทะ รีสอร์ท จำกัด บริษัท วิคเต้อร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท เวิลด์ คลาส โกลด์ จำกัด บริษัท ไวตา-เพค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท สยาม กอสซิป พับบลิเคชั่น จำกัด บริษัท สินค้าอาหารธรรมชาติ จำกัด และ บริษัท อาร์ พี เอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

และอีก2 บริษัท คือ บริษัท เพื่อน จำกัด และบริษัท สินค้าอาหารธรรมชาติ จำกัด มีนายคฤกพล ยงใจยุทธ บุตรชาย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ร่วมเป็นกรรมการด้วย

นอกจากนั้น เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะคอลัมนิสต์ เจ้าของนามปากกา “ไก่ชน” และยังเป็นประธานบริษัท ลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม.จำกัด ประธานหนังสือพิมพ์แทบลอยด์รายวัน บางกอกทูเดย์

เรียกได้ว่าไพวงษ์ กว้างขวางทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อิทธิพลทางการเมือง และสื่อมวลชน

แต่ทว่า คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต แม้จะอิงแอบกับอำนาจการเมืองมาโดยตลอด แต่ก็มีวันที่นายไพวงษ์ ต้องตกเป็นหมากเบี้ยทางการเมือง เมื่ออาณาจักรโบนันซ่าของเขาถูกข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน และกำลังถูกดำเนินคดียึดพื้นที่คืนแก่ ส.ป.ก. พร้อมชดใช้ค่าเสียหาย

คราวนี้ อาณาจักร โบนันซ่า ที่ดำเนินการมาร่วม 20กว่าปี เป็นอันต้องสั่นคลอน และนายไพวงษ์จะดิ้นสู้ยังไง ต้องจับตาดูกัน

ที่มา :หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ